วิ่งสายพานขึ้นระยะไม่ตรงกับนาฬิกา ใครผิดใครถูก

เรียบเรียงโดย เฉลิมวงศ์ บวรกีรติขจร

24 Sep 2018
  • Shares:

 

     เท่าที่ผมจำความได้นาฬิกา GPS เรือนแรกที่ผมซื้อมาใช้วิ่ง ตัวนาฬิกาเพียวๆ ไม่สามารถวัดค่า Cadence ได้ ต้องพึ่งพาเจ้าอุปกรณ์เสริมตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า Footpod ติดที่เชือกผูกรองเท้า เพื่อนับจำนวนก้าวของการวิ่ง ซึ่งผมอ่านเจอตามเวบฝรั่งต่างๆ ตัว Footpod เค้าแนะนำให้เอามาใช้ฝึก Cadence ให้อยู่ราวๆ 180 ก้าวต่อนาที ตอนนั้นเลยจำเป็นต้องซื้อ Footpod มาติดที่เชือกผูกรองเท้า เพื่อฝึกรอบขาให้ได้ตามสูตรที่ฝรั่งบอกมา นอกจากนั้นแล้วการใช้ Footpod เพื่อใช้ในการวิ่งบนสายพานเพื่อให้นาฬิกาสามารถจับระยะทางวิ่งให้ตรงกับความเป็นจริง

     ถ้าเราต้องการใช้ Footpod เพื่อฝึก Cadence ก็ไม่ต้องทำอะไร ติดเซ็นเซอร์ที่เชือกผูกรองเท้าแล้วก็วิ่งได้เลย

 

     แต่ถ้าเราต้องการใช้ Footpod ไปคำนวณระยะวิ่งบนสายพาน เราก็ต้องทำการCalibrate เจ้าตัว Footpod โดยการวิ่งระยะทางพอประมาณเพื่อให้มันเก็บสถิติระยะก้าวของเราไว้ เมื่อไปวิ่งบนสายพานในห้องฟิตเนส ซึ่งแน่นอนว่านาฬิกามันไม่สามารถเชื่อม GPS ได้ เจ้าตัว Footpod นี่แหละจะเป็นตัวปรับค่าระยะทางการวิ่งบนนาฬิกาของเราให้ใกล้เคียงกับการวิ่งบนถนนที่นาฬิกาเชื่อมต่อกับ GPS ได้

     เช่น

ระยะ 1 ก้าวของนักวิ่ง ก. Stride Length คือ 0.8 เมตร ถ้าเราวิ่งบนสายพานไปทั้งหมด 1,000 ก้าว ระยะทางที่ขึ้นบนนาฬิกาก็จะเป็น 800 เมตร หรือ 0.8 กิโลเมตร

     ระยะ 1 ก้าวของนักวิ่ง ข. คือ 1 เมตร ถ้าเราวิ่งบนสายพานไปทั้งหมด 1,000 ก้าว ระยะทางที่ขึ้นบนนาฬิกาก็จะเป็น 1,000 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร

     ระยะ 1 ก้าวของนักวิ่ง ค. คือ 1.2 เมตร ถ้าวิ่งบนสายพานไปทั้งหมด 1,000 ก้าว ระยะที่ขึ้นบนนาฬิกาก็จะเป็น 1,200 เมตร  หรือ 1.2 กิโลเมตร

    จะเห็นว่านักวิ่ง 3 คนนี้ มีระยะก้าวแตกต่างกันก้าวละ 0.2 เมตร หรือ 20 ซม. ตามลำดับ  

     ถ้าบังเอิญ 3 คนนี้ ใส่นาฬิการุ่นเดียวกันมาวิ่งบนสายพาน แล้วบังเอิญค่า Cadence จำนวนก้าวต่อนาทีดันมาเท่ากันอีก ยกตัวอย่างว่า 200 ก้าวต่อนาที ทั้ง 3 คนเปิดเครื่องวิ่งสายพานเวลาเดียวกัน ตั้งความเร็วเครื่องเท่ากันเช่น 12 กม.ต่อชั่วโมง คุณคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที แต่ละคนจะวิ่งได้ระยะทางเท่าไหร่

     นักวิ่ง ก. จะวิ่งได้ระยะทาง 1,600 เมตร หรือ 1.6 กิโลเมตร

     นักวิ่ง ข. จะวิ่งได้ 2,000 เมตร หรือ 2 กิโลเมตร

     นักวิ่ง ค. จะวิ่งได้ 2,400 เมตร หรือ 2.4 กิโลเมตร

     ในขณะที่ค่าบนสายพานจะอ่านได้ 2 กิโลเมตร ถามว่าข้อมูลใครถูก ใครผิด นาฬิกาหรือสายพาน

     คำตอบมันชัดเจนด้วยเหตุผลที่ผมได้เขียนไปตั้งแต่ต้นครับ ถ้านักวิ่งทั้ง 3 มีการ Calibrate เจ้าตัว Footpod กันทุกคน นาฬิกาของทั้งสามคนต่างก็ถูกต้องครับ

     นักวิ่ง ก.ได้ระยะทางบนนาฬิกาน้อยกว่าสายพาน นักวิ่ง ข.ได้ระยะทางเท่าสายพาน และนักวิ่ง ค.ได้ระยะทางมากกว่าสายพาน  

     ส่วนค่าบนสายพานจะบอกว่าผิด ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ค่าระยะทางที่อยู่บนสายพานมันเป็นค่าเฉลี่ยค่ากลางๆ ของนักวิ่งทั่วๆ ไป ถ้าผมจำไม่ผิด เคยกะไว้คร่าวๆ เครื่องยี่ห้อที่ผมใช้วิ่งประจำในห้องฟิตเนสเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จะคิดว่าระยะก้าวของคนวิ่งสายพานอยู่ที่ไม่เกิน 0.9 เมตร และ Cadence ต่ำกว่า 180 ก้าวต่อนาทีพอสมควร คนที่ใส่นาฬิกาแล้ววิ่งบนสายพานแล้วได้ค่าตรงกัน จะต้องมีค่า Cadence และจำนวนก้าวต่อนาทีไปเท่ากับสูตรในการคำนวณหาระยะทางของสายพานเครื่องนั้นๆ ได้แบบพอดี จึงจะทำให้ได้ค่าบนนาฬิกากับสายพานตรงกัน

 

ทำอย่างไรหากเราต้องการวิ่งให้ค่าบนนาฬิกากับสายพานตรงกัน

      ก่อนที่จะถึงขั้นตอนนั้นๆ เราต้องเช็คก่อนว่า นาฬิกาเรานั้นมีฟังค์ชั่นวัด Cadence มั้ย ซึ่งนาฬิกาแบรนด์ดังรุ่นใหม่ๆ มักจะมี และต้องรู้ด้วยว่าความแม่นยำในการวัด Cadence แม่นยำขนาดไหน วิธีไม่ยากเลย ลองวิ่งบนสายพานสัก 6-10 นาที นับจำนวนก้าวไปเรื่อยๆ แล้วลองมาคำนวณย้อนกลับดู ว่าค่านั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ในกรณีที่นาฬิกานั้นไม่มีฟังค์ชั่นวัด Cadence ให้หาซื้อ Footpod มาติดเพิ่มเอา        

      อีกเรื่องที่สำคัญเราต้องแปลงความเร็วบนสายพานซึ่งส่วนใหญ่มีหน่วยเป็น กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นหน่วย Pace ให้ได้ก่อน โดยมีวิธีการคำนวณดังนี้

     Pace = 60 / ความเร็ว (กม.ต่อชั่วโมง)

     เช่น บนสายพาน ตั้งความเร็วไว้ 10 กม.ต่อชั่วโมง เมื่อแปลงเป็น Pace ได้

      Pace = 60/10 = 6 นาทีต่อกม.

    แต่เรื่องนี้ขอให้ระวังเมื่อคำนวณแล้วได้จุดทศนิยม ต้องเอาจุดทศนิยมนั้นมาคูณด้วย 0.6 ก่อน จึงจะเป็นค่า Pace ที่แท้จริง เพราะถ้าเราเข้าใจตัวเลขของ Pace จะรู้ว่า ตัวเลขหลังจุดทศนิยมคือ หน่วยวินาที เช่น Pace 3.59 คือ ใน 1 กม. ใช้เวลา 3 นาที 59 วินาที

    เช่นถ้าความเร็วบนสายพานเท่ากับ 9 ค่า Pace เท่ากับ 60/9 = 6.67

     เอา 0.67 มาคูณ 0.6 จะเท่ากับ  0.40 ซึ่งค่าที่ถูกต้องคือ Pace = 6.40 ครับ อย่าไปเผลอบอกคนอื่นว่า Pace 6.67 นะครับ   

    หลังจากรู้ว่า การคำนวณ Pace โดยรู้ความเร็วบนสายพานแล้ว ก็มาถึงเรื่องว่า แล้วเราจะวิ่งยังไงให้ค่านาฬิกากับบนสายพานระยะตรงกัน

วิธีที่ 1 ถ้าในนาฬิกาหรือแอพที่สามารถปรับค่า Stride Length ได้ ให้ลองวิ่งสักระยะเวลาหนึ่ง ขึ้นอยู่กับคู่มือการ Calibrate ของนาฬิกานั้นๆ เช่น SUUNTO Fitness 3  แนะนำไว้ 12 นาที ดูค่าระยะทางบนสายพานว่าได้เท่าไหร่ เอาค่าระยะนั้นมาใส่ในแอพหรือนาฬิกาดื้อๆ เลย

     หลังจากนั้นเรา Calibrate นาฬิกาเรียบร้อยแล้ว ค่าระยะทางบนนาฬิกาก็จะใกล้เคียงกับบนสายพาน ขึ้นอยู่ความแม่นยำของการอ่านค่า Cadence ใน Footpod และนาฬิกาแต่ละรุ่นด้วย

     แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปลี่ยนความเร็วสายพานไปเป็นความเร็วอื่นๆ ไม่ว่าจะต่ำลงหรือสูงขึ้น ค่าระยะทางมันก็อาจะผิดเพี้ยนไปได้ เพราะว่านาฬิกามันจะจดจำระยะก้าวของเราไปแล้ว หากมีการตั้งความเร็วสายพานใหม่ ทำให้การออกแรงของเราเปลี่ยนแปลงไป เช่น ความเร็วต่ำ เราก้าวสั้นลง ความเร็วสูงเราก้าวยาวขึ้น แต่ระยะก้าวในนาฬิกามันจำค่าเดิมอยู่ ระยะทางที่ขึ้นบนนาฬิกาก็มีโอกาสไม่ตรงกับสายพานอยู่ดี ทางที่ดีให้วิ่งที่ความเร็วสายพานนั้นๆ ที่เราทำการ Calibrate ไว้

 

  

วิธีที่ 2 ในกรณีที่นาฬิกาเป็นรุ่นที่เชื่อมต่อ GPS ได้ เราต้องไปวิ่ง Calibrate ค่าความยาวก้าว Stride Length ที่ถนนที่ค่อนข้างเรียบ หรือที่วิ่งที่เรารู้ระยะแน่นอน เช่นลู่วิ่งมาตรฐาน 400 เมตร ลองวิ่งให้ครบตามคำแนะนำของนาฬิกาว่าต้องวิ่งระยะเป็นเวลาเท่าไหร่จึงจะเพียงพอในการทำให้ค่า Stride Length มีความแม่นยำ เช่น Foodpod ของ Milestone แนะนำไว้ 6 นาที Suunto Fitness 3 แนะนำว่า 12 นาทีเป็นต้น หลังจากนั้น นาฬิกาจะคำนวณและเก็บสถิติระยะก้าวเราไว้ บางนาฬิกาสามารถแก้ระยะทางหลังวิ่ง Calibrate จบได้ เช่นถ้าเราวิ่ง 5 รอบสนาม 400 เมตร ช่องวิ่งในสุด แบบไม่เปลี่ยนช่องวิ่ง หลังวิ่งเสร็จเราสามารถปรับค่าระยะเป็น 2,000 เมตร เพื่อเพิ่มความแม่นยำของระยะก้าว ( ผมเคย Calibrate ลักษณะนี้ แล้วเปิดโหมดวิ่งในนาฬิกาเป็นแบบวิ่งสายพาน แล้ววิ่งจังหวะเดิมบนลู่วิ่ง 400 เมตร ระยะขึ้นมาตรงเลยครับ )

     เมื่อ Calibrate ระยะก้าวได้แล้ว เวลาเราไปวิ่งบนสายพาน ก็ลองผิดลองถูกพยายามปรับความเร็วสายพานให้ได้ค่าพอๆ กับความเร็วที่แสดงบนนาฬิกา เท่านี้ก็ทำให้ระยะทางที่โชว์บนสายพานกับนาฬิกาตรงกัน

 

     จริงๆ แล้ว สุดท้ายค่าที่แสดงบนสายพาน กับ ค่าที่แสดงบนนาฬิกามันไม่มีทางตรงกันเป๊ะ 100% ครับ เพราะว่า ถ้าเวลาที่เราเปลี่ยนความเร็วสายพานขึ้นลง ระยะมันก็จะเริ่มๆ เพี้ยน

     ผมจึงอยากแนะนำว่าให้เราเสียเวลาไป Calibrate ค่า Stride Length ในนาฬิกาให้เรียบร้อย และลองเช็คความแม่นยำของนาฬิกาว่า วัดค่า Cadence ได้แม่นยำแค่ไหน โดยการลองวิ่งสักอย่างน้อย 6 นาที นับจำนวนก้าวไปเรื่อยๆ เมื่อครบ 6 นาที ให้หยุดวิ่ง แล้วหาจำนวนค่า Cadence เช่น 6 นาที นับจำนวนก้าวได้ 1,000 ก้าว ค่า Cadence คือ 1,000 / 6 = 167 ก้าวต่อนาที ลองเช็คค่านี้กับค่าที่แสดงในนาฬิกา ถ้าแตกต่างกันไม่มากเกินไป ก็แสดงว่านาฬิกามีความแม่นยำเพียงพอ

( กรณีเวลาที่กดหยุด มีหน่วยวินาทีด้วย วิธีคำนวณให้ทำแบบนี้ เช่น 1,000 ก้าว ใช้เวลา 6:15 นาที วิธีคิด Cadence = (1,000X60) / ((6X60)+(15)) = 160 ก้าวต่อนาที )

    เมื่อตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยทุกขั้นตอนตามที่ผมว่าแล้ว หลังจากนี้ให้เชื่อข้อมูลของนาฬิกาที่เราใส่ครับ ไม่ต้องไปสนใจค่าที่แสดงออกมาที่ลู่วิ่งสายพานอีกต่อไปครับ     

 

นาฬิกา SUUNTO 9 BARO เป็นนาฬิกาที่สามารถจับ Cadence ได้แม่นยำมาก จากการทดสอบวิ่งนับก้าวระยะต่างๆ มากกว่า 10 ครั้ง แล้วมาคำนวณย้อนกลับมาเป็นค่า Cadence พบว่าได้ค่าตรงตามจำนวนก้าวที่นับได้จริงเป๊ะๆ โดยไม่จำเป็นต้องติด Footpod   

 

เฉลิมวงศ์ บวรกีรติขจร

Chalermwong B.Kajorn

ผู้ดำเนินรายการตอบคำถามอุปกรณ์กอล์ฟ คลื่น FM99 รายการ Golf Trick ทุกวันศุกร์ เวลา 9:00-10:00 น.

 

ติดตามข้อมูล ความรู้ต่างๆ จากเราได้ที่

เพจเรื่องกอล์ฟที่นี่

https://www.facebook.com/GolferOnlineMag/   

เพจเรื่องวิ่งที่นี่

https://www.facebook.com/iStyleSports/

https://www.facebook.com/cing8333

Instagram : Cing8333

https://line.me/R/ti/p/%40istylesports

หรือค้นหาเพื่อนใน line โดยคีย์คำว่า @istylesports

24 / 8 / 2018

 

 

  Tags : Run Runner Running 

      

 

   

       

       


สอบถามเพิ่มเติม



SOCIAL SHARES

หากบทความนี้มีประโยชน์กับท่านหรือเพื่อนร่วมก๊วน ฝากกดแชร์ที่เครื่องหมาย F ด้านใต้ข้อความนี้ครับ ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามอ่านบทความของเรา


COMMENTS

OUR SPONSOR

OUR PARTNERS
  • partner 1
  • partner 2
  • partner 3
  • partner 4
  • partner 5
  • partner 6
  • partner 7
  • partner 8