MIZUNO WAVE RIDER 21 OSAKA
เรียบเรียงโดย เฉลิมวงศ์ บวรกีรติขจร
16 Mar 2018
- Shares:
ผมไม่ได้ใช้รองเท้าวิ่ง MIZUNO มาสัก 3 ปี แล้ว เพราะต้องลองรองเท้าวิ่งวนๆ ไปหลายๆ แบรนด์ และต้องการลองจนพังไปเป็นคู่ๆ ครับ
อย่างไรก็ตามรองเท้า MIZUNO รุ่น Wave Spacer สีแดง เป็นรองเท้าวิ่งที่ผมใส่ลงวิ่งมาราธอนครั้งแรกของผมที่ขอนแก่นมาราธอน และยังใส่ลงอีกราวๆ 2 มาราธอนหลังจากนั้น เพราะมั่นใจว่า มันจะไม่สร้างปัญหาการบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งรองเท้ากัดระหว่างวิ่งมาราธอน ที่สำคัญผมวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21 กม. ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง 45 นาที ก็ด้วย MIZUNO Wave Spacer ครับ
ในความทรงจำของผม และเพื่อนๆ นักวิ่งที่มีโอกาสลองรองเท้าแบรนด์ MIZUNO เป็นรองเท้าที่ออกแนวเฟิร์ม ไม่นุ่มนวลมากนัก นั่นคือความรู้สึกจริงๆ ณ เวลานั้นๆ แต่ผมก็ชอบในคุณสมบัติที่มันเฟิร์มนิดๆ มากกว่าที่จะนุ่มย้วยจนเกินไป เพราะการที่รองเท้าเฟิร์มนิดๆ มันจะช่วยผ่อนแรงทุกๆ ย่างก้าววิ่ง ทำให้เราสามารถแตะและยกเท้าขึ้นจากพื้นได้เร็ว ซึ่งเป็นเทคนิคการวิ่งที่ผมเชื่อว่านักวิ่งหลายๆ คนล้วนที่อยากฝึกเทคนิคนี้ให้สำเร็จ ตัวเลข 180 ก้าวต่อนาที เป็นค่าตัวเลขเป้าหมาย รอบเท้า (Cadence) ที่นักวิ่งทั้งหลายพยายามฝึก มันช่วยผ่อนแรง และวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ในความเหนื่อยเท่าเดิมหรือน้อยลง
เมื่อเดือนที่แล้ว ทาง MIZUNO ได้ส่งรองเท้ามาให้ลอง 1 คู่ เป็นรุ่น Wave Rider 21 OSAKA ซึ่งทราบมาว่าเป็นรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดในงาน OSAKA Marathon โดยความมีเอกลักษณ์ของรองเท้ารุ่นนี้คือสีสันหลากสีที่แต่งเติมลงมาที่รองเท้าทั้ง 2 ข้างอย่างลงตัว และงดงาม โดยทั้ง 2 ข้าง ก็มีสีแตกต่างกันด้วย
สีต่างๆ ที่อยู่บนรองเท้าลิมิเต็ดรุ่นนี้ แต่ละสีมีความหมายในตัวของมันเอง ดังนี้
MIZUNO Wave Rider 21 OSAKA เป็นรองเท้าลิมิเต็ดที่นำเอารองเท้ารุ่น Wave Rider 21 มาออกแบบให้มีสีสันโดดเด่น สวยงาม โดยที่ยังคงคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของรองเท้ารุ่นนี้ไว้
ตอนผมรับรองเท้ารุ่นนี้มาลอง เป็นช่วงเดียวกับที่ผมเตรียมตัวไปวิ่ง 100 กม. รายการ TNF100 ที่เขาใหญ่พอดี จึงยังไม่ได้ลองตั้งแต่แรก กว่าจะมีโอกาสได้ลองก็ผ่านไปราวๆ 3 อาทิตย์ จึงได้มีโอกาสลองทดสอบครั้งแรกระยะ 5 กม.
บอกตรงๆ ครับ ใส่ครั้งแรกวิ่งมันมาก ณ เวลานั้น ร่างกายผมเพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากอาการล้าหลังวิ่ง 100 กม.มา แต่ลองเจ้า Wave Rider 21 วันแรก ซัดเพซเฉลี่ย 4.38 ช่วง 4 กม.ท้าย ของการวิ่งระยะรวม 5 กม.
ผมสัมผัสได้จริงๆ ว่า เทคโนโลยี CloudWave มันช่วยดีดเด้งให้เท้าเรายกขึ้นเร็วขึ้นได้จริงๆ เป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ทั้งๆ ที่รองเท้ารุ่นนี้มีน้ำหนัก 2 ข้าง ถึง 610 กรัม ถือว่าค่อนข้างหนักพอสมควร ถ้าจะใช้ใส่วิ่งทำความเร็ว โดยปกติรองเท้าทำความเร็วที่ผมใส่จะอยู่แถวๆ โซน ต่ำกว่า 450 กรัม ต่อ 2 ข้าง
ผมใส่ Wave Rider 21 OSAKA ซ้อมวิ่งอยู่ราวๆ 200 กม. ภายในระยะเวลา 3 อาทิตย์ ยอมรับว่าชอบมาก และมีรู้สึกว่า ฟิลลิ่งของรองเท้าแตกต่างไปจากเดิมที่ผมเคยรู้สึก จากเดิมที่รู้สึกว่าพื้นรองเท้า MIZUNO ค่อนข้างเฟิร์ม แต่สำหรับ Wave Rider ค่อนข้างนุ่ม แต่ไม่ย้วย จนชะลอการยกเท้าของเรา ผมเชื่อว่า CloudWave มันช่วยให้เราสับเท้าได้เร็วขึ้น โดยที่พื้นไม่จำเป็นต้องเฟิร์มมาก แบบที่ผมรู้สึกในอดีต ใส่วิ่งแล้วมันนุ่ม และเด้งดี ชอบมากๆ ครับ
ขอย้อนกลับไปนิดนึงว่า ผมลืมบอกไปว่า ผมรู้สึกประทับใจฟิลลิ่งของรองเท้าตั้งแต่สวมใส่ก่อนที่จะเริ่มวิ่ง ตอนที่สวมใส่รองเท้า มันให้ความรู้สึกเหมือนมีผ้านวมนุ่มๆ มาหุ้นอยู่รอบๆ ข้อเท้าของเรา คล้ายๆ เวลาที่เรานอนซุกตัวภายใต้ผ้าห่มนวมนุ่มๆ ในห้องแอร์เย็นๆ ประมาณนั้นเลย คือใส่แล้วรู้สึกนุ่มตั้งแต่ก่อนที่จะย่างก้าววิ่ง อีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจคือ เชือกผูกรองเท้าที่เป็นคล้ายๆ เชือกยางยืดที่สามารถยืดให้ตัวได้ ทำให้เวลาผูกเชือกแล้วหลุดยาก เพราะปมเชือกมันจะไปกดให้ตำแหน่งเชือกที่ผูกเป็นคอคอดลงไป ใส่คู่นี้วิ่งแล้ว เชือกไม่เคยหลุดเลย และที่สำคัญหากผูกแน่นไปนิด ความยืดหยุ่นของเชือกจะให้ตัวได้เล็กน้อย ไม่กดทับหลังเท้าด้านบนจนปวดทรมานจนต้องหยุดคลายปมเชือกให้หลวมขึ้น เป็นความรู้สึกจากใจเลยครับ ใส่แล้วมันดีจริงๆ ยิ่งได้ฟังราคารุ่นที่ไม่ใช่ OSAKA เป็นรุ่นปกติที่วางขาย ราคา 4,200 บาท พระเจ้าช่วย!!! มันถูกมากจริงๆ ครับ เมื่อเทียบสเปคกับแบรนด์อื่นๆ ที่ผมเคยลองที่ระดับราคา 5,500 บาทอัพ ผมว่า MIZUNO Wave Rider 21 เป็นรองเท้าวิ่งที่ราคาดี คุณภาพคับแก้ว คุ้มค่าจริงๆ