...เดือนธันวา-มกรา-กุมภานี้คนกรุงเทพฯ ไปเที่ยวไปนอนเขาใหญ่มากกว่าสองสามปีที่ผ่านมา...ปีนี้ปีหน้าคนทั้งโลกต้องกินใช้อย่างประหยัด จะไปเที่ยวเมืองหนาวอยู่อย่างหนาวๆ สัก 7 วัน 10 วันก็ต้องไปอย่างประหยัด ไปยุโรปไม่ได้ไปเขาใหญ่นี่แหละใช่เลย ความหนาวราคาถูกใกล้กรุงเทพฯ

     ร้านพรีโม พอสโตเคยจัดดินเนอร์ใต้แสงดาว พร้อมนักร้องเสียงคุณภาพจากเวทีละครเพลงช่วงคืนพฤศจิกายนในปีๆ หนึ่ง อุณหภูมิตอนหัวค่ำ 22 องศาเซลเซียส ตอนดึกจนถึงเช้าตรู่ 18 องศา หนาวถูกใจคนชอบอากาศหนาวจริงๆ

     ไปเที่ยวเขาใหญ่จะทานอาหารร้านไหนจึงจะไม่ผิดหวัง?

     ถ้าชอบอาหารไทยพื้นบ้านราคาถูกและอร่อยผมแนะนำเพื่อนฝูงเมื่อ 15 ปีที่แล้วว่าต้อง ครัวหญ้าคา มาถึงวันนี้กิจการดีขึ้นตามลำดับ ขยายร้านใหญ่โต ลูกสาวที่ผมเคยเห็นมาตั้งแต่เรียนมัธยมต้นมาดูแลแทนแม่แต่คุณภาพและรสชาติยังดีเหมือนเดิม

     เนื่องจากในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาผู้มีอันจะ(เหลือ)กินไปสร้างบ้านหลังที่สองหลังที่สามที่เขาใหญ่กันเยอะ เขาใหญ่จึงมีร้านอาหารเกรดบีบวกจนถึงเกรดเอทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่งเพิ่มขึ้นอีกหลายร้าน

     ถ้าชอบอาหารไทยตลาดบีบวกขึ้นไปทั้งความสะอาด วัตถุดิบ หน้าตา (presentation) และรสชาติขอแนะนำ คันทรี คิทเช่น (Country Kitchen โทร.044-297-573) ริมถนนธนะรัชต์ตรงหลักกิโลเมตรที่ 13

     เพราะเจ้าของร้านเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย การจัดร้านและการเลือกใช้ภาชนะเห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าร้านนี้เจ้าของเป็นผู้มีรสนิยม

     ผมไปทานร้านนี้เพราะนักชิมสองคนบอกว่าอร่อยมาก คนหนึ่งเป็นนักบินชาวอังกฤษ อีกคนหนึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง (มาก) ของคิงพาวเวอร์ ไปแล้วไม่ผิดหวังครับ ทั้งกุ้งเผา ฟิเลต์ปลานิล ไก่บ้านทอดตะไคร้ของเขาอร่อยจริงๆ

     กุ้งและปลาของคันทรี คิทเช่น ซื้อมาจากพรานน้ำจืดที่เขื่อนลำตะคอง ตัวจึงใหญ่สมกับเป็นกุ้งเขื่อนปลาเขื่อน อย่างกุ้งเผามีทั้งแบบ 2 ตัวกิโลและ 3 ตัวกิโล ไซส์ขนาดนี้สดแบบนี้หากินไม่ได้ง่ายๆ ในกรุงเทพฯ

     สำหรับฟิเลต์ปลานิล เขาเอาปลานิลซึ่งป็น “ปลาบ้านๆ” มาทำซะหรูและอร่อยเหลือเชื่อด้วยการเอาปลานิลขนาดตัวละกิโลครึ่งมาแล่เอาแต่เนื้อซีกซ้ายชิ้นหนึ่งซีกขวาชิ้นหนึ่ง หมักเครื่องปรุงและพริกไทยดำเครื่องเทศแล้วนำไปทอด หอม อร่อย และไม่มีกลิ่นโคลน กลายเป็นปลานิลไฮโซไปในบัดดล

     ส่วนไก่บ้านทอดตะไคร้ ผมตัดสินใจไม่ถูกว่า ระหว่างไก่บ้านทอดกับตะไคร้ทอดที่เสิร์ฟในจานเดียวกันอย่างไหนควรได้ 9 คะแนนครึ่ง อย่างไหนควรได้ 10 เต็มเพราะอร่อยพอฟัดพอเหวี่ยงกัน โดยเฉพาะตะไคร้ทอดที่เขาทุบจนฉีกละเอียดเป็นเส้นเล็กๆ เหมือนเนื้อฝอยนั้นถ้าไม่บอกก่อนชิมว่าเป็นตะไคร้รับรองว่าไม่มีใครทายถูก

     วันนั้นผมไปกันสองคน สั่งอาหารได้แค่ 3 อย่าง เลยอดชิมแกงส้มชะอมทอด ปลาตะเพียนไร้ก้าง และไข่เจียวปลาเค็มใส่ใบโหระพาที่พรรคพวกบอกว่าอย่าลืมสั่ง

     ร้านคันทรี คิทเช่น เปิดอาทิตย์ละ 6 วัน หยุดวันอังคารวันเดียว เวลาทำการ 8 โมงเช้าถึงทุ่มครึ่ง ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ปิด 2 ทุ่มครึ่ง

     แต่ถ้าชอบอาหารฝรั่ง ขอแนะนำทีราโน่ (Terano 083-773-5500) อยู่บนถนน กุดคล้า – ผ่านศึกที่น.ส.พ.หลายฉบับตั้งฉายาถนนเส้นนี้ว่า “ทองหล่อแห่งเขาใหญ่” เพราะตลอดความยาว 24 กิโลเมตรของถนนเส้นนี้มีเศรษฐีเก่าและเศรษฐี ใหม่ซุ่มซ่อนซื้อบ้าน-ปลูกบ้านหลังที่สองอยู่สองฟากถนน

     ทีราโน่เป็นร้านที่ทั้งเจ้าของและเชฟทั้งเก่าและเก๋าในแวดวงอาหารและอสังหาริมทรัพย์ 

     โรงแรมจุลดิศและบ้านเขาพระนอนหลังละ 9 ล้านบาทที่เปิดขายพรึ่บเดียวหมดนั่นก็ของเขา

     ไปทานอาหารร้านทีราโน่ช่วงนี้ผมแนะนำให้ไปถึงร้านตอน 5 โมงเย็นและเลือกโต๊ะที่อยู่ตรงระเบียงกลางแจ้ง ท่านจะเห็นวิวเขาใหญ่สวยที่สุด อากาศเย็นสบายที่สุด พอพระอาทิตย์ตกดินทีราโน่ ใต้แสงเดือนแสงดาวและแสงไฟก็สวยเย็นไปอีกแบบ 

     การไปถึงร้านตอน 5 โมงเย็นทำให้ท่านเห็นทีราโน่ทั้งสองแสงอาหารจานที่เชฟเอ๋ภูมิใจเสนอคือ ขากบ

ทั้งสไตล์ฝรั่งเศสและขากบสมุนไพรสไตล์ไทย

     สปาเก็ตตี้คอนบีฟ เส้นสปาเก็ตตี้ผัดเนื้อกระป๋องโรยพริกแห้งทอดเป็นอาหารจานแปลก รสชาติถูกปากคนไทย

     วันที่ผมไปทานพรรคพวกสั่งสเต๊กทั้งเนื้อออสเตรเลีย สเต๊กปลาแซลม่อน และซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ย่าง ตั้งไว้ตรงกลางแล้วแบ่งกันทานแบบไทยๆ เพื่อทุกคนจะได้ชิมทุกอย่าง ทานเสร็จผมถามแต่ละคนว่าให้คะแนนจานไหนมากน้อยเท่าใด ปรากฏว่าไม่มีจานใดได้คะแนนต่ำกว่า 7

     สำหรับท่านที่ชอบจบอาหารมื้อค่ำด้วยของหวาน เจ้าของร้านมั่นใจมากว่าบลูเบอรี่ ชีสเค้กของเขาอร่อยที่สุดในละแวกเขาใหญ่และปริมณฑล เพราะภรรยาเจ้าของร้านร่ำเรียนวิชาทำขนมฝรั่งมาโดยตรง!

     ร้านทีราโน่หาง่ายมาก เข้าทางมวกเหล็กไปตามถนนกุดคล้า-ผ่านศึก เลยบ้านเขาพระนอนไป 500 เมตรก็เห็นร้านสวยอยู่ทางขวามือ เปิดบริการอาทิตย์ละ 5 วัน พุธและพฤหัสบริการเฉพาะอาหารมื้อค่ำตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่มครึ่ง ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์เปิดตั้งแต่เที่ยงถึง 3 ทุ่มครึ่ง 

     ย้ำอีกทีไปทีราโน่หน้าหนาวควรไปถึงร้านตอน 5 โมงเย็น หน้าร้อนและหน้าฝนไปถึงตอน 6 โมงเย็น จะได้เห็นเขาใหญ่สวยครบถ้วนทั้งกลางวันและกลางคืน

พิศณุ นิลกลัด