นักกอล์ฟหลายๆ ท่านซึ่งเคยมีประสบการณ์ใช้ถุงมือหนังแท้แล้วมีปัญหาเรื่องถุงมือแห้งกรอบ ก่อนที่ถุงมือจะขาดใช้งานไม่ได้ สร้างความเสียดายให้กับคนรักถุงมือหนังแท้เป็นอย่างยิ่ง หลายๆ ท่าน มีเทคนิคการดูแลรักษาถุงมือให้คงสภาพนุ่มเสมอก่อนที่มันจะขาด แต่ก็หลายๆ ท่านที่ดูแลไม่ดี ถุงมือแห้งกรอบก่อนที่จะขาด

     ด้วยความสงสัยของผมว่า ปัจจัยอะไรที่มีผลมากที่สุด ที่ทำให้ถุงมือมันแห้งกรอบก่อนเวลาอันควร ผมจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาคุณคิมฝ่ายการตลาดของฟุตจอยประเทศไทยว่า ผมอยากจะทำการทดสอบหน่อย ซึ่งท่านก็เห็นดี เห็นงามไปกับผมด้วย เพราะมองว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับนักกอล์ฟ

     แต่หารู้มั้ยว่า การทดสอบของผมไม่ได้ทดสอบแค่ข้างหรือ 2 ข้าง ผมขอถุงมือใหม่ 7 ข้าง มาทดสอบเพื่อให้ครอบคลุมปัจจัยทั้งหมดที่ผมคิดว่ามีผลทำให้ถุงมือแห้งกรอบ ตอนขอก็ลุ้นในใจว่า ถ้าได้มาไม่ครบ สงสัยต้องออกเงินซื้อเองแน่ๆ เลย เพราะถ้าได้ตัวอย่างไม่ครบ ผมเลือกที่จะไม่ทดสอบ ดีกว่าทดสอบไปแล้วยังคาใจ แต่คุณคิม ก็น่ารักครับ เบิกรุ่น StaSof รุ่นตัวท๊อปราคาข้างละเกือบ 1,000 บาท จำนวน 7 ข้างให้ผมทดสอบเลย ซึ่งผมต้องขอบคุณความเอื้อเฟื้อของคุณคิมในครั้งนี้ด้วย เพราะว่า มีแนวโน้มว่า ถุงมือเหล่านี้จะถูกทดสอบจนแห้งกรอบ โดยที่ผมยังไม่ได้นำไปใช้ในการตีกอล์ฟเลย

     ในการทดสอบผมต้องการให้เห็นผลไวๆ หากจะเอาถุงมือ 7 ข้างไปออกรอบ แล้วให้เปียกเหงื่อครบ 7 ข้าง ไม่รู้ว่าต้องตีกี่หลุมถึงจะได้เหงื่อมากมายขนาดนั้น และก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องออกรอบกี่ครั้งกว่ามันจะแห้งกรอบ

     การทดสอบผมจึงเป็นแบบนี้ครับ เนื่องจากเราต้องการหาปัจจัยเรื่องเกี่ยวกับการเก็บรักษาเพียงอย่างเดียว ผมเลยใช้วิธีการเอาเหงื่อที่ออกมาจากการวิ่งแทน ซึ่งตอนแรกคิดว่าหมูๆ วิ่งระยะออกกำลังกายปกติผมราว 10 กม.วิ่งเสร็จคงจะมีเหงื่อมากพอ แต่วันแรกที่ไปทดสอบ วิ่งเสร็จก็เอาถุงมือมาเช็ดตามตัว ตามแขน ปรากฎว่าไม่พอทำให้ถุงมือชุ่มครับ ต้องเอามาเช็ดหน้า เช็ดศรีษะ แล้ววิ่งต่ออีกราว 2 กม. ถึงจะได้เหงื่อเพียงพอสำหรับถุงมือทั้ง 7 ข้าง

     วันที่ 2 เอาใหม่ ใส่ถุงมือวิ่งเลย จะได้ค่อยๆ ทยอยเอาเหงื่อมาชโลมถุงมือ ครบ 10 กม. เหงื่อสะสมจะได้พอ ไม่ต้องวิ่งต่ออีก 2 กม. แบบครั้งแรก ตอนแรกก็คิดว่าหมูอีก แต่ก็ไม่หมู เพราะกว่าที่เหงื่อผมจะเพียงพอสำหรับทำให้ถุงมือ 2 ข้างเปียก ผมต้องวิ่งเป็นระยะทางกว่า 5 กม.ครับ ถึงจะได้เหงื่อขนาดนั้น บางช่วงต้องเพิ่มความเร็วเร่งให้เหงื่อออกมากขึ้นไปอีก สรุปว่าสุดท้ายแล้วผมก็ต้องวิ่งราวๆ 12 กม. ถึงจะได้เหงื่อที่มากพอสำหรับ 7 ข้างครับ

     สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ผมคำนวณว่า ผมน่าจะต้องวิ่งราวๆ 10 วันขึ้นไป ถึงจะได้ผลการทดสอบที่ชัดเจน โดยแต่ละครั้งผมจะจดไดอารี่บันทึกการเปลี่ยนแปลงหลังการแยกเก็บรักษาด้วยวิธีการต่างๆ แล้ว วันรุ่งขึ้น สภาพถุงมือแต่ละแบบ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะนำมาเขียนสรุปอีกครั้งครับ

     แต่วันนี้ที่รีบเขียนมาเล่าเรื่องราวก่อน เพราะระหว่างวิ่ง 5 กม.แรก ผมพบว่า กว่าเหงื่อจะซึมผ่านหนังจากด้านในทะลุมาด้านนอก ใช้เวลาพอสมควรครับ วิ่งผ่านไป 4 กม. มันยังไม่ซึมออกมาข้างนอกเลยครับ ต้องเอาฝ่ามือมาปาดเหงื่อ ปาดศรีษะถึงจะได้ความชุ่มตามต้องการ

     ประสบการณ์นี้บอกผมว่า ถ้าเราพกถุงมือหนังไปออกรอบสักอย่างน้อย 3 ข้าง แล้วเราไม่ใส่ถุงมือตลอดเวลา เช็ดมือและแขนให้แห้งก่อนใส่ถุงมือทุกๆ ครั้ง มันก็ไม่น่าจะทำให้ถุงมือมันเปียกจนแฉะระหว่างออกรอบนะครับ ส่วนใครที่เหงื่อมาก ก็ลองหาจำนวนถุงมือที่พอดีกับการใช้งานในการออกรอบ 18 หลุมเองละกันครับ