GREAT BIG BERTHA RETURNS
เรียบเรียงโดย เฉลิมวงศ์ บวรกีรติขจร
29 Aug 2016
- Shares:
Callaway
Great Big Bertha
เมื่อปี 1991 ราวกว่า 20 ปีที่แล้ว ไดรเวอร์ Callaway รุ่นหนึ่งได้สร้างปรากฎการณ์พลิกประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่การออกแบบไดรเวอร์ โดยการออกไดรเวอร์รุ่น Big Bertha ซึ่งทำจากวัสดุ Stainless Steel ซึ่งมีปริมาตรของหัวไม้ 1 เพียง 190 ซีซี (เทียบเท่าปริมาตรของแฟร์เวย์ วูดในปัจจุบัน) แต่ก็เป็นไดรเวอร์ที่ใหญ่แล้วสำหรับยุคนั้น คำว่า Big Bertha เป็นชื่อน่าจะได้มาจากภาษาเยอรมันว่า Dicke Bertha ซึ่งเป็นชื่อเรียกของปืนใหญ่รุ่นหนึ่ง ซึ่งใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งแน่นอนว่าต้องการสื่อความหมายว่าตีไกล ซึ่งผลงานก็ตีไกลขึ้นจริงๆ ในยุคนั้น
ต่อมาในปี 1997 Callaway ก็ออกไดรเวอร์รุ่นแรกที่ใช้วัสดุ Titanium ในชื่อรุ่นว่า Great Big Bertha ซึ่งเป็นหัวไม้ 1 ที่ใหญ่มากในยุคนั้น โดยมีปริมาตร 253 ซีซี เป็นไดรเวอร์ที่ตีไกลขึ้นจริง ไกลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนสร้างยอดขายถล่มทลายในยุคนั้นๆ โดยเฉพาะในเมืองไทย ก็ได้รับความนิยมสูงมาก จนมีไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่มีประมาตรเกิน 300 ซีซี 400 ซีซี มีนักกอล์ฟบางส่วนที่ยังประทับใจกับไดรเวอร์โมเดลนี้ ก็ยังใช้งานอยู่ต่อเนื่องอีกหลายปี กว่าที่จะยอมเปลี่ยนมาใช้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่กว่า 400 ซีซี ซึ่งเป็นขนาดปกติในปัจจุบัน
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วเวบไซท์ Callaway ประกาศการกลับมาอีกครั้งของไดรเวอร์ในตำนาน Great Big Bertha
การนำไดรเวอร์โมเดลคลาสสิคที่เคยประสบความสำเร็จในครั้งนี้ของ Callaway มีความตั้งใจจริงในการพัฒนาไดรเวอร์ให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เหมือนกับครั้งนึงในอดีตที่ Callaway เคยทำสำเร็จมาแล้วในยุคปี 90 โมเดลแรกที่นำกลับมาทำใหม่ เริ่มต้นจากรุ่น Big Bertha Alpha หนึ่งในชื่อรุ่นไดรเวอร์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกประวัติศาสตร์ไดรเวอร์ โดย Big Bertha ทั้ง 2 รุ่น ที่ออกมาใน 2 ปีล่าสุดที่ผ่านมา สามารถพลิกประวัติศาตร์การออกแบบระบบถ่วงน้ำหนัก ให้สามารถย้ายจุดศูนย์ถ่วงให้สูงขึ้นหรือต่ำลงได้ชัดเจน สร้างความแตกต่างในเรื่องการออกแบบเทคโนโลยีให้มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นชัดเจนใน 2 ปีที่ผ่านมา
ส่วน Great Big Bertha Returns ในครั้งนี้ Callaway มีความตั้งใจมากในการพัฒนาไดรเวอร์โมเดลที่จะนำกลับมารีเทิร์นในครั้งนี้ ถึงกับมี White Paper ในเวบไซท์ แสดงช้อมูลแนวความคิด พร้อมข้อมูลงานวิจัยของ Callaway ก่อนที่มาตกผลึกจนได้ แนวทางในการออกแบบไดรเวอร์รุ่นนี้
http://cmp.callawaygolf.com/wp-content/uploads/2015/08/whitepaper-leave-no-yard-behind.pdf
สมุดปกขาวในเวบไซท์ของ Callaway เริ่มต้นเขียนอธิบายถึงปัญหาที่นักกอล์ฟตีไดรเวอร์ไม่ได้ระยะ ซึ่งทาง Callaway ได้ไปทำวิจัยมากับนักกอล์ฟกลุ่มตัวอย่างหลายพันคน หลากหลายลักษณะการตี สูง ต่ำ หลากแฮนดี้แคป จนได้คีย์หลัก 3 ข้อที่ทำให้นักกอล์ฟสมัครเล่นสูยเสียระยะทางในการตีไดรเวอร์ ซึ่ง 3 ข้อนั้นประกอบไปด้วย
1.Low Ball Speed.
2.Less Than Ideal Launch Conditions ( Launch angle & Spin Rate )
3.Poor Direction
หลังจาก Callaway ได้แนวทางในการกำจัดจุดอ่อนที่ทำให้นักกอล์ฟสัมครเล่นตีไม่ไกลแล้ว ก็ค่อยๆ หาวิธีทางวิศวกรรมในการพัฒนาไดรเวอร์รุ่นนี้ทีละข้อ
Problem 1 Low Ball Speed
Callaway พบว่า นักกอล์ฟสมัครเล่นหลายๆ คนยังมีปัญหาการสร้างความเร็วลูกกอล์ฟให้สูงๆ ซึ่งตัวเลขนี้จะฟ้องออกมาที่ค่าที่เรียกว่า Smash Factor ซึ่งในระดับนักกอล์ฟอาชีพสามารถสร้างค่านี้ได้สูงถึง 1.48 ขึ้นไปจนถึง 1.52 แต่นักกอล์ฟสมัครเล่นกลับสร้างค่า Smash Factor น้อยกว่านั้น และแม้ว่าในปัจจุบันจะการออกแบบของไดรเวอร์จะสามารถพัฒนาให้ไดรเวอร์มีค่า M.O.I. สูงขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทีมวิศวกรของ Callaway เชื่อว่า มันยังมีช่องทางอีกหลายช่องทางในการพัฒนาประสิทธิภาพด้านนี้
Solution : R.MOTO Technology
เทคโนโลยีหน้าไม้ของ Callaway จะช่วยเพิ่มความเร็วลูกกอล์ฟ แม้ว่านักกอล์ฟจะตีพลาด Sweet Spot ก็ตาม โดยเทคโนโลยี R.MOTO จะช่วยเพิ่มความเร็วลูกกอล์ฟได้ 2 วิธี คือ
การเสริมบ่ารอบ ๆ ขอบของหน้าไม้ ซึ่ง Callaway ใช้ศัพท์ว่า Internal Ribs ผมไม่รู้จะแปลคำนี้เป็นไทยว่าอย่างไร แต่หลักการของโครงสร้างนี้คือ การเสริมความแข็งแรงรอบๆ หน้าไม้เป็นบ่ารับ เพื่อช่วยให้หน้าไม้ตอบสนองเรื่องแรงเด้งดีขึ้น ทำให้ความเร็วลูกกอล์ฟสูงขึ้น
การออกแบบเทคโนโลยี VFT Technology (Variable Face Thickness) ซึ่ง Callaway ใช้มาตั้งแต่ในไดรเวอร์รุ่น Steelhead Plus ช่วงปี 2000 เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบความหนาของหน้าไม้แต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน หลักการคือให้ด้านในของ Sweet Spot นูน ด้านรอบๆ Sweet Spot บางลง เพื่อกระจายการเด้งของหน้าไม้ให้ครอบคลุมพื้นที่ห่างออกจากจุดศูนย์กลางมากขึ้น ทำให้เมื่อตีพลาด Sweet Spot หน้าไม้ก็ยังสามารถเด้งอย่างมีประสิทธิภาพได้อยู่
Solution : Multi Shaft /Head Weight Configurations
ทีม Callaway พบว่านักกอล์ฟหลายคนมีปัญหาในการตีไม่เข้า Sweet Spot หรือเร่งความเร็วไม่ขึ้น เพราะการแมทช์กันระหว่างก้านกับหัวไม่เหมาะสม ทำให้น้ำหนักรวมของไดรเวอร์ Swing Weight ไม่เหมาะกับการตีของตัวเอง ทำให้การสวิงมีจังหวะหรือเทมโป้ไม่ดีพอ ส่งผลให้ตีไม่เข้ากลาง Sweet Spot
ในรุ่นใหม่ Callaway เตรียมก้านเป็นทางเลือกให้นักกอล์ฟทั้งหมด 4 รุ่นน้ำหนัก นักกอล์ฟสามารถลองทดสอบกับทีมเดโม่ จนได้สเปคของก้านที่ทำให้นักกอล์ฟตีได้ระยะมากที่สุด
Problem 2 Poor Launch Angles & Spin Rate
งานวิจัยพบว่าการตีให้วิถีลูกสูง อัตราสปินต่ำ จะทำให้ไดรฟได้ระยะทางดีที่สุด ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็รู้ดี แต่ทีม Callaway มีแนวทางของตัวเองที่คิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ โดย
Solution : Mass Properties Low C.G./Forgiveness
ทีมออกแบบ Callaway เลือกที่ออกแบบจุดศูนย์ถ่วงของไดรเวอร์ให้อยู่ต่ำลง และห่างออกจากหน้าไม้ไปทางด้านหลัง เพื่อให้ง่ายต่อการตีให้ได้วิถีลูกที่สูง
Solution : OptiFit Technology
เทคโนโลยีการถอดก้านเพื่อปรับลักษณะหัวไม้ ช่วยทำให้นักกอล์ฟสามารถปรับจูนองศาไดรเวอร์เพื่อหามุมเหินที่ดีที่สุด และจุดศูนย์ถ่วงของไดรเวอร์ที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกออกแบบไว้อย่างแม่นยำแล้ว จะทำให้อัตราสปินมีค่าต่ำที่สุด ช่วยทำให้ตีไดรเวอร์ได้ระยะไกลที่สุด
Problem 3 Dispersion / Side Spin
ไอดียของเรื่องนี้เกิดจาก ถ้าเราตีได้ตรงที่สุด คุณจะได้ระยะทางไกลที่สุดบนแฟร์เวย์ ไม่ใช่ไกลที่สุดไปทางด้านข้างๆ ของแฟร์เวย์ ทำให้ช็อตต่อไปที่คุณจะขึ้นกรีนเหลือระยะทางสั้นที่สุด อัตราสปินที่เอียงเมื่อเทียบกับไปซ้ายหรือขวา ที่ทำให้ลูกฮุคหรือสไลซ์ ทั้งสองทางล้วนทำให้ระยะเสียทั้งสิ้น การกำจัดอัตราสปินเอียงซ้ายหรือขวาให้น้อยลง ช่วยให้นักกอล์ฟตีตรงขึ้น และแน่นอนว่าไกลขึ้นด้วย
Solution : Adjustable Perimeter Weighting Technology
Adjustable Perimeter Weighting ( APW) Technology ช่วยให้นักกอล์ฟสามารถปรับย้ายตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงได้เอง ด้วยการย้ายก้อนน้ำหนัก 10.5 กรัม ด้านหลังของหัวไม้ ซึ่งจะทำให้ผลของ Gear Effect เปลี่ยนแปลง ทำให้สามารถลดอัตราสปินด้านข้างได้มากถึง 400 RPM ช่วยทำให้ตีตรงขึ้น
ในการทดสอบไดรเวอร์รุ่นนี้ ทีมวิจัยของ Callaway เชื่อว่าจะเป็นคำตอบช่วยปลดล็อคให้นักกอล์ฟที่มีปัญหาตีไดรเวอร์ไม่ได้ระยะ ตีได้ระยะทางที่ไกลขึ้น ในเวบไซท์ของ Callaway ยังมีตารางแสดงระยะทางสูงสุดที่ควรจะเป็นที่ความเร็วหัวไม้ต่างๆ
ผลสรุปของการพัฒนาไดรเวอร์รุ่น Great Big Bertha จะสามารถแก้ปัญหา 3 เรื่องใหญ่ที่ทำให้นักกอล์ฟตีไม่ได้ระยะทางเท่าที่ควร ความเร็วลูกกอล์ฟ ลักษณะการเหิน ทิศทาง ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่ของนักกอล์ฟที่มองหาไดรเวอร์ที่จะสามารถเพิ่มระยะไดรฟได้อย่างแท้จริง ความตั้งใจในการออกแบบของทีมงาน Callaway ครั้งนี้ จะสร้างให้ไดรเวอร์ Callaway รุ่น Great Big Bertha รุ่นนี้ ไม่ถูกใครตีทิ้งข้ามหัว ตามสโลแกนที่ Callaway ให้คำจำกัดความไว้ในไดรเวอร์รุ่นนี้
Leave No Yard Behind
เฉลิมวงศ์ บวรกีรติขจร
Chalermwong B.Kajorn
https://www.facebook.com/GolferOnlineMag/
Official Line : @golferonline
29 /8 / 2559
Tags : Driver , Wood , Woods ไดรเวอร์ , ไดร์เวอร์ , ไดรฟเวอร์ คัลลาเวย์ Callaway