โลกร้อน ตีไกล โลกเย็น ตีใกล้

25 Jun 2016

ถ้าโลกร้อนขึ้น นักกอล์ฟก็จะตีไกลขึ้นด้วย

ตอนที่ไทเกอร์ชนะเมเจอร์ที่ 13 เมื่อปี 2007 รายการพีจีเอแชมเปี้ยนชิพ ปีนั้นเป็นปีที่ฝรั่งบอกว่า อุณหภูมิระหว่างการแข่งขันร้อนมาก ร้อนติดอันดับต้นๆ ของบรรดาการแข่งขันเมเจอร์ทั้งหมดที่เคยมีมาก่อนหน้านั้น อุณหภูมิช่วงเวลานั้นอยู่ที่ 102 องศาฟาเรนไฮน์ หรือประมาณ 39 องศาเซลเซียส

ในปีนั้นนักกอล์ฟในทัวร์ต่างพาเหรดกันทำระยะไดรฟได้ไกลกว่าปกติ แบบสังเกตเห็นได้ โดยเฉลี่ยรายการนั้นนักกอล์ฟไดรฟไกลขึ้นราว 15 หลา เป็นเพราะอะไร ?

การที่อุณหภูมิสูงขึ้น จะทำให้ความหนาแน่นของอากาศลดลง ส่งผลให้แรงเสียดทานอากาศที่กระทำกับลูกกอล์ฟน้อยลงด้วย ลูกกอล์ฟที่พุ่งแหวกอากาศได้ดีขึ้น จึงทำให้ระยะทางเพิ่มขึ้น

ในปี 2002 มีการทดสอบเรื่องผลกระทบของอุณหภูมิที่มีผลต่อระยะของลูกกอล์ฟ โดยใช้หุ่นยนต์ทดสอบ ตั้งความเร็วไว้ที่ 109 ไมล์ต่อชั่วโมง พบว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 องศาเซลเซียส ระยะที่ตีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.3 หลา และสำหรับความเร็วหัวไม้ระดับ 120 ไมล์ต่อชั่วโมง เมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส นักกอล์ฟจะตีไกลขึ้นถึง 15 หลา เมื่อเทียบกับอุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส

ในโปรแกรมคำนวณของ Launch Monitor แบรนด์ Vector ซึ่งเป็น Launch Monitor ระบบคำนวณที่มีซอฟท์แวร์คำนวณเรื่องระยะทางที่แม่นยำมาก ก็คำนวณระยะทางได้เพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น แต่ในโปรแกรมนี้จะคำนวณระยะทางที่เพิ่มขึ้นได้มากกว่า ในโปรแกรมจะคำนวณระยะทางได้ดังนี้ ทุก 5 องศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้น ระยะทางจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2 หลา

จากข้อมูลเหล่านี้ เราอาจจะเคยสังเกตว่า เวลาโปรฝรั่งที่มาแข่งบ้านเรา หลายๆ คน เห็นข้อมูลสถิติระยะไดรฟในเวบไซท์ ก็ตีไม่ได้ไกลมาก แต่เมื่อมาแข่งในเมืองไทย ตีระยะกันไกลจนน่าตกใจ นั่นเป็นเพราะอุณหภูมิของบ้านเรา สูงอยู่ในระดับเฉลี่ย ใกล้เคียงกับอุณหภูมิที่ฝรั่งบอกว่า 39 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดในบรรดาการแข่งขันเมเจอร์ทั้งหมดที่ผ่านมา

สำหรับบ้านเรานั้น การจำแบบนี้อาจจะไม่มีประโยชน์เลยสำหรับนักกอล์ฟ ขอให้เราจำแบบนี้ดีกว่า เวลามีโอกาสออกไปเล่นกอล์ฟเมืองนอกที่อากาศเย็นๆ ทุกๆ 5 องศาเซลเซียสที่ลดลง เราจะตีสั้นลงเฉลี่ย 1.3-2 หลา ครับ เพราะถ้าบ้านเรา ร้อนไปกว่า 39 องศาเซลเซียสมากๆ คงไม่มีใครอยากจะไปออกรอบให้ทรมานหรอก ว่ามั้ย?